ภาพจากwww.andamandiscoveries.com/

วันเสาร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2552

แปลงเรียนรู้ “ปาล์มน้ำมัน” ต้นแบบ

...หนึ่งโรงเรียนเพื่อเกษตรกรมืออาชีพ



“ปาล์มน้ำมัน” เป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญของไทยที่มีศักยภาพสูง ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยมีเนื้อที่ปลูกปาล์มน้ำมันที่ให้ผลผลิตประมาณ 3,195,140 ไร่ ในปี 2552 นี้ คาดการณ์ว่าจะได้ผลผลิตไม่น้อยกว่า 9.43 ล้านตัน แต่เกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันส่วนใหญ่ยังขาดความรู้และประสบการณ์ที่ถูกต้องและเหมาะสมเกี่ยวกับการผลิตปาล์มน้ำมัน โดยเฉพาะเกษตรกรรายย่อยและรายใหม่ ทำให้ได้ผลผลิตต่อไร่ต่ำขณะที่มีต้นทุนสูงขึ้น ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตรจังหวัดกระบี่ (พืชสวน) กรมส่งเสริมการเกษตร จึงได้จัดตั้ง “แปลงเรียนรู้ปาล์มน้ำมัน” ขึ้น เพื่อเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้สำหรับเกษตรกรที่สนใจ ซึ่งจะช่วยเพิ่มพูนทักษะและพัฒนาอาชีพเพื่อยกระดับการผลิตปาล์มน้ำมันของเกษตรกรให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น

นายอรรถ อินทลักษณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า กรมฯได้มอบหมายให้ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตรจังหวัดกระบี่ (พืชสวน) ร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน อาทิ ศูนย์วิจัยปาล์มน้ำมันสุราษฎร์ธานี ศูนย์วิจัยปาล์มน้ำมันกระบี่ บริษัท ยูนิวานิชน้ำมันปาล์ม จำกัด(มหาชน) บริษัท สหอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม จำกัด(มหาชน) บริษัทเปา-รงค์ จำกัด บริษัท อาร์แอนด์ดี เกษตรพัฒนา จำกัด ห้างหุ้นส่วนจำกัด โกลเด้นเทเนอร่า และบริษัท ปาล์มโมริช จำกัด จัดทำแปลงเรียนรู้ปาล์มน้ำมันขึ้นภายในศูนย์ฯ ซึ่งเป็นกิจกรรมหนึ่งของโครงการ “โรงเรียนปาล์มน้ำมันเพื่อเกษตรกร” จังหวัดกระบี่ โดยเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2551 เพื่อเป็นศูนย์รวมและเป็นศูนย์กลางเครือข่ายการให้บริการองค์ความรู้และเทคโนโลยีที่เหมาะสมเกี่ยวกับปาล์มน้ำมัน ไปสู่เกษตรกรในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้และภาคอื่นๆ ด้วย

สำหรับโรงเรียนปาล์มน้ำมันเพื่อเกษตรกรนี้ มีการจัดกิจกรรม 4 กิจกรรมหลัก ได้แก่ การฝึกอบรมหลักสูตรเกี่ยวกับปาล์มน้ำมันให้กับเกษตรกร การศึกษาทดสอบ/วิจัยภาคการผลิตของเกษตรกร การจัดนิทรรศการวิชาการปาล์มน้ำมัน และการจัดทำแปลงเรียนรู้ปาล์มน้ำมัน โดยปี 2551 ที่ผ่านมา ได้จัดฝึกอบรมหลักสูตรการผลิตปาล์มน้ำมันแก่เกษตรกรรายใหม่ จำนวน 171 ราย ขณะเดียวกันยังได้ฝึกอบรมหลักสูตรการใช้ปุ๋ยในสวนปาล์มน้ำมันให้เกษตรกร 505 รายด้วย และปี 2552 นี้ ได้จัดฝึกอบรมหลักสูตร “การผลิตปาล์มน้ำมันแบบยั่งยืน” ให้แก่เกษตรกรและยุวเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดกระบี่ไปแล้ว 8 รุ่น รวมกว่า 1,155 ราย ซึ่งในระยะยาวคาดว่าเกษตรกรจะสามารถนำองค์ความรู้ที่ได้รับไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาการผลิตในแปลงของตนเองได้อย่างเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น พร้อมขยายผลไปสู่เกษตรกรข้างเคียงด้วย

การถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีการผลิตที่เหมาะสมแก่เกษตรกร เน้นตั้งแต่การเลือกใช้ปาล์มน้ำมันพันธุ์ดี ให้ผลผลิตสูง 3-5 ตัน/ไร่/ปี และมีความเหมาะสมกับแหล่งปลูก อีกทั้งยังมุ่งเพิ่มพูนความรู้และประสบการณ์ด้านวิธีการปลูกปาล์มน้ำมัน การดูแลรักษา การบริหารจัดการแปลง ตลอดจนการเก็บเกี่ยวผลผลิต เพื่อเป็นแนวทางช่วยในการปรับลดต้นทุนการผลิตให้ต่ำลง โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายเรื่องปุ๋ยเคมีซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ต้นทุนของเกษตรกรสูงขึ้นมาก ราว 50-60 % หากประหยัดค่าปุ๋ยเคมีได้จะช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มสูงขึ้น

“แปลงเรียนรู้ปาล์มน้ำมันเป็นช่องทางที่ช่วยสร้างโอกาสให้เกษตรกรที่มีความสนใจที่จะพัฒนาระบบการผลิตปาล์มน้ำมันให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น อนาคตคาดว่าจะช่วยขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาการผลิตปาล์มน้ำมันของจังหวัดกระบี่ได้ค่อนข้างมาก โดยจะช่วยเสริมฐานการผลิตปาล์มน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในประเทศสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมต่อเนื่อง และก้าวสู่การเป็นฐานผลิตไบโอดีเซลของประเทศเพื่อเป็น Oil Palm City ซึ่งจะทำให้ภาคการผลิตปาล์มน้ำมันของไทยเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น” อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าว

นางสาวฐิติมา เจียมสวัสดิ์ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรปฏิบัติการ ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตรจังหวัดกระบี่ (พืชสวน) กล่าวเพิ่มเติมว่า การใส่ปุ๋ยปาล์มน้ำมันเป็นเรื่องที่เกษตรกรต้องให้ความสำคัญและเอาใจใส่ เนื่องจากการผลิตทะลายปาล์มน้ำหนัก 1,000 กิโลกรัม ที่เก็บเกี่ยวออกไป มีปริมาณธาตุอาหารเทียบได้กับปุ๋ยสูตร 21-0-0 ประมาณ 17 กิโลกรัม สูตร 0-46-0 ประมาณ 3 กิโลกรัม สูตร 0-0-60 ประมาณ 12 กิโลกรัม และคีเซอร์ไรท์ ประมาณ 15 กิโลกรัม เป็นต้น ดังนั้น จึงจำเป็นต้องใส่ปุ๋ยเพื่อทดแทนในปริมาณที่เหมาะสมและสอดคล้องกับความต้องการของพืช จึงจะได้ผลตอบแทนคุ้มค่าการลงทุน

เทคนิคการใส่ปุ๋ยต้องเป็นไปตามความต้องการของต้นพืช โดยทุกรอบการผลิตเกษตรกรควรเก็บตัวอย่างดินในแปลงปลูกและใบปาล์มน้ำมันส่งตรวจวิเคราะห์ เพื่อจะได้เลือกใช้ปุ๋ยอย่างถูกต้องและใส่ปุ๋ยในปริมาณที่เหมาะสมตรงตามความต้องการของต้นปาล์ม ซึ่งจะช่วยปรับลดความสิ้นเปลืองค่าปุ๋ยเคมีลงได้

นอกจากนี้ยังแนะนำให้เกษตรกรใช้ระบบการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อาทิ การอนุรักษ์ดินในสวนปาล์มน้ำมันด้วยการปลูกพืชคลุมดินตระกูลถั่ว การตัดขั้นบันไดและคันดักน้ำร่วมกับพืชคลุมดิน การควบคุมหนอนกินใบโดยวิธีธรรมชาติ การควบคุมหนูในสวนปาล์มน้ำมันด้วยนกแสก ทั้งยังแนะนำให้ใช้ประโยชน์ของเสียจากโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม เช่น ใช้ทะลายเปล่าวางเป็นวงแหวนทับกันสามชั้นรอบโคนต้นปาล์มพอประมาณ อัตรา 250 กิโลกรัม/ต้น หรือ 3-4 รถเข็น จะช่วยลดปริมาณการใช้ปุ๋ยโพแทสเซียมได้ทั้งหมด และช่วยลดปริมาณการใช้ปุ๋ยไนโตรเจนได้ครึ่งหนึ่ง ช่วยประหยัดค่าปุ๋ยเคมีได้ไม่น้อยกว่า 700 บาท/ไร่ ขณะเดียวกันยังช่วยเพิ่มผลผลิตขึ้นอีก 0.5-1 ตัน/ไร่/ปี

อย่างไรก็ตาม หากสนใจที่จะเข้าศึกษาเรียนรู้ในแปลงเรียนรู้ปาล์มน้ำมัน สามารถติดต่อได้ที่ ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตรจังหวัดกระบี่ (พืชสวน) โทร. 0-7561-2913…..

ไม่มีความคิดเห็น:


คลังบทความของบล็อก